มีลำดับขั้นตอน และรายละเอียดดังนี้
1. ยื่นขอประทับตรารับรองหนังสือมอบอำนาจ และยื่นขอรหัสผู้ประกอบการ
จะมีแบบฟอร์มให้กรอก และในปัจจุบันสามารถยื่นเรื่องทางออนไลน์ได้แล้ว
ทำให้สะดวกมาก ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการเดินทาง
หลังจากนั้นให้รอผลการพิจารณา ถ้าผ่าน ก็สามารถรับเอกสารและหลักฐานที่ผ่านการรับรองได้ แต่ถ้าไม่ผ่าน หรือต้องแก้ไข
ก็จะต้องรับเรื่องคืน
2. แจ้งรายละเอียดผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง
⦁ ตรวจสอบส่วนผสมของเครื่องสำอางให้สอดคล้องตามกฎหมาย เช่น ถ้าจะส่งออกไปจำหน่ายในบางประเทศ
จะต้องมีเครื่องหมายฮาลาล เป็นต้น
⦁ นำแนวทางวิธีปฏิบัติที่ดีในการผลิตมาใช้ (Good
Manufacturing Practice : GMP)
3. ชำระค่าธรรมเนียมรายปี และชำระต่อในปีถัดไป
4. จัดทำฉลากภาษาไทย ให้ครบถ้วน และถูกต้องตามกฎหมาย
ผนึกติดที่ภาชนะบรรจุเครื่องสำอางก่อนออกจำหน่าย
5. จัดทำ แฟ้มข้อมูลผลิตภัณฑ์ (Product Information File : PIF) ซึ่งเป็นข้อมูลของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด
เช่น คุณสมบัติของวัตถุดิบทั้งหมด ความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ และของสารแต่ละชนิดที่ใช้ในการผลิตเครื่องสำอาง สูตรส่วนผสมของเครื่องสำอาง หลักฐานการกล่าวอ้างสรรพคุณ (ถ้ามี) เก็บไว้ที่สถานที่ประกอบกิจการเครื่องสำอาง
และต้องส่งมอบให้กับพนักงานเจ้าหน้าที่ถ้ามีการร้องขอ
สิ่งสำคัญที่ต้องมีในฉลากของเครื่องสำอาง
1. ชื่อเครื่องสำอาง และชื่อทางการค้า
2. ประเภทหรือชนิดของเครื่องสำอาง
3. ชื่อของสารทุกชนิดที่ใช้เป็นส่วนผสม ( INCI Name อ่านว่า "อินคี่เนม" ย่อมาจาก International
Nomenclature for Cosmetic Ingredients) เนื่องจากบางที่เอาสูตรการผลิตมาจากผลิตภัณฑ์ยี่ห้ออื่น โดยเรียงลำดับปริมาณของสารจากมากไปหาน้อย
4. วิธีใช้เครื่องสำอาง
5. ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต (ผลิตในประเทศ)
ชื่อและที่ตั้งของผู้นำเข้า และชื่อผู้ผลิต และประเทศที่ผลิต (เครื่องสำอางนำเข้า)
6. ปริมาณสุทธิ
7. เลขที่แสดงครั้งที่ผลิต
8. เดือน ปี ที่ผลิต
9. เดือน ปี ที่หมดอายุ (เครื่องสำอาง)
10. คำเตือน (ถ้ามี)
11. เลขที่ใบรับแจ้ง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น